Me in Event : Johnnie Walker Classic 2004

photo is my life
Event : Johnnie Walker Classic 2004
big thanks photo by Aoraction Chandtarat / พี่ อ๋อ แอ็คชั่น

Sorawich_hasselblad

I’m back

ว่างเว้นไปนาน  วันนี้กลับมาใช้ที่นี่ใหม่ อ่านเพิ่มเติม…

หมวดหมู่:Diary, Travel

เส้นเสียงดนตรี 27 ปี ขุนสมาน

วันนี้แล้วครับ ใครเป็นแฟนคลับจัดไป

เส้นเสียงดนตรี 27 ปี ขุนสมาน

วันที่ : 26 มิถุนายน 2559 สถานที่: ห้องออดิทอเรียม ชั้น 5 เวลา 17.00 น.

ศิลปินรับเชิญ

มงคล อุทก (หน่อง คาราวาน) ป๋าเทพ (เทพ โพธิ์งาม) เสนีย์ แช่มเดช (PERFORMANCE ART)

บัตรราคา 500 บาท ทุกที่นั่ง (พร้อม CD 27 ปี ขุนสมาน) จองบัตรได้ที่ : Facebook ขุนสมาน เบื๊อก โคราช ชิ้นจอหอ โทร. 081 722 2918IMG_2029

หมวดหมู่:Diary

Thongchai Jaidee wins Nordea Masters : June 1, 2014

Thongchai Jaidee wins Nordea Masters : June 1, 2014

Thongchai Jaidee wins Nordea Masters on Sunday. ธงชัย ใจดี คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนทัวร์รายการที่ 6 ในศึก Nordea Masters ที่ประเทศสวีเดน วันที่ 1 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา ขึ้นจากอันดับ 54 ขึ้นมาอยู่ที่ 37 ของโลกใน ณ วันนี้

หมวดหมู่:Diary

เริ่มเขียนบันทึก Graceful Journal ทบทวน ขอบคุณสิ่งดี ๆ ในชีวิต

เริ่มเขียนบันทึก Graceful Journal ทบทวน ขอบคุณสิ่งดี ๆ ในชีวิต

Positive Psychology ฝึกความคิดบวก เรื่องแรก เปิดตัวเพจ กิน เที่ยว ถ่ายภาพ มีสมาชิกเพิ่มขึ้นทันที มากอย่างน่าพอใจ

 

ถ้าเราคิดดีได้ทุกวัน  เราก็จะมีแต่วันที่ดี ๆ

 

ฝึกคิดบวกโดยการทำ “Gratitude Journal

‘Positive Psychology’ หรือประมาณว่า “จิตวิทยาเชิงบวก” ฝึก ตัวเองให้คิดบวก คิดในแง่ดีด้วยการเขียนบันทึกสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา  ทุกคืนได้ยิ่งดี  เห็นมีผลวิจัยบอกว่ามันทำให้ดีขึ้นจริง ๆ

อันนี้ข้อความจากเรื่องที่ส่งต่อกันมา  ไม่รู้ต้นทางที่อ้างอิงได้  แต่เท่าที่อ่านดูก็น่าจะเป็นไปได้

 

การเขียนบันทึก Graceful Journal (Write graceful journal, good things in life every day) ฝึก เขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มี ครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์

 

ผมกำลังจะเริ่มลองดู  และคิดว่าไม่เสียเวลาเปล่า  อย่างน้อยก็จะได้พักความเครียดกับเรื่องต่าง ๆ มามองสิ่งดี ๆ ในวันนั้น ๆ บ้าง  แทนที่จะมองข้ามมองผ่านมันไป

 

วันนี้กับเรื่องเล็ก ๆ แต่ก็รู้สึกดี

ผมเปิดเพจไว้หลายที่  เพื่อแยกบางเรื่องออกจากเฟสบุคส่วนตัว  สำหรับคนที่ชอบ  หรือติดตามเรื่องนั้น ๆ จะได้ติดตาม

เพราะ เฟสบุคส่วนตัว  บางทีก็มีเรื่องส่วนตัว  เรื่องเพื่อน  เรื่องงาน  มากมาย  เพื่อนบางส่วนหรือคนอื่น ๆ อาจไม่อยากรับรู้เรื่องนั้น ๆ

เปิดมานานแล้ว  แต่แค่เอาไว้โพสต์ปะข้อมูลเกี่ยวกับการ กิน เที่ยว ทิ้งไว้จะได้ค้นหาง่าย

วันนี้เริ่มเปิดตัวให้คนรู้จัก  สื่อสารกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวใสวันนี้  มีสมาชิกเพิ่มขึ้นทันที  มากอย่างน่าพอใจ

กิน เที่ยว ถ่ายภาพ

ชื่อไทย ๆ เข้าใจง่าย ๆ ว่าเรื่องในเพจจะประมาณนี้

วันนี้ลงเรื่อง   Saffron on the Sea (Ko Chang, Thailand)

เป็นอัลบั้มภาพเมื่อครั้งไปเกาะช้างกับเพื่อนเก่า  ลงไปส่วนเดียว  มีเพื่อนของเพื่อนคนนี้มา Like เป็นสิบ
เริ่มรู้สึกว่าจะมากขึ้นเร็วก็เลยเก็บภาพของเมื่อเช้าไว้หน่อย

แต่ตอนนี้ก็มากกว่านี้สักอีกยี่สิบคนได้แล้ว

นอกจากเก็บข้อมูลข่าวสารเรื่องกิน เรื่องเที่ยว

หลัก ๆ คือจะมีเรื่องและภาพที่ผมหรือเพื่อน ๆ ไปเที่ยว  ไปกินที่นั้น ๆ เอามาลง

เป็นเหมือนบันทึก  เหมือนไดอารี่เรื่อง กิน เที่ยว ถ่ายภาพ นั่นแหละ

คือในชีวิตผมหรือเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านทำงานเงินเดือนทั่วไป

นอกจาก เวลามากกว่า  ความพยายาม  การหาโอกาสไปมากกว่า

เลือกที่จะลองกิน  สรรหาอะไรให้ถูกปาก  พยายามพาตัวเองไปอยู่กับที่ที่คิดว่าดี

มันมากมายเกินกว่าที่หลายคนคิด  จึงคิดว่าควรทำเป็นบันทึก กิน เที่ยว ถ่ายภาพ ไว้เฉพาะเรื่อง

ใครชอบเรื่องแนวนี้ก็ลองดูนะครับ  เพิ่งเริ่มจริงจัง  ต่อจากนี้จะทยอยลงใหม่อยู่เสมอ

กิน เที่ยว ถ่ายภาพ

หมวดหมู่:Diary

17 คำสอนขององค์ทะไลลามะ สำหรับมนุษย์งาน

521807447160725.jpg

17 คำสอนขององค์ทะไลลามะ สำหรับมนุษย์งาน

1. คิดไว้เสมอว่า ‘หวังในความสำเร็จมาก ก็เสี่ยงที่จะสูญเสียมาก’

2. ยามใดที่แพ้ ให้นำสิ่งที่แพ้มาเป็นบทเรียน

3. กฎ 3 อาร์น่าคิด Respect for self คือเคารพตัวเอง, Respect for others เคารพผู้อื่น และ Responsibility คือรับผิดชอบในทุกๆ การกระทำของตน

4. บางครั้งการที่มาเอาตัวไปข้องเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองอยากได้ใคร่มีมากเกินไป ก็อาจทำให้คุณได้ในสิ่งนั้นอย่างไม่น่าเชื่อ

5. เรียนรู้กฎให้ละเอียดถ่องแท้ เผื่อว่าคุณอาจหาทางแหกกฎได้อย่างถูกวิธี

6. อย่าให้ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ มาทำลายมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่

7. เมื่อใดที่รู้สึกว่าทำผิด ให้รีบแก้ไขให้ถูกต้อง

8. ใช้เวลาอยู่กับตัวเองในทุกๆ วัน

9. อ้าแขนให้กว้างเพื่อรับสิ่งท้าทายในชีวิต และเมื่อใดที่มีสิ่งล้ำค่าเข้ามา ก็อย่าปล่อยมันไป

10. จงจำไว้ว่าบางครั้ง ความเงียบก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับบางเรื่อง

11. ใช้ชีวิตให้ดีอย่างคนมีเกียรติ เพราะเมื่อตอนเราแก่ตัวลง จะได้มองย้อนกลับไปในอดีตอย่างมีความสุข

12. บรรยากาศในบ้านแสนสุขเป็นพื้นฐานที่ดีของการดำรงชีวิต

13. เมื่อไม่เห็นด้วยกับคนที่เราแคร์ในบางเรื่อง ให้ทะเลาะกันได้เฉพาะในปัญหาปัจจุบัน อย่าขุดคุ้ยเรื่องอดีต

14. มีความรู้อะไรก็ให้รู้จักแบ่งปัน เพราะความรู้เป็นสิ่งที่ไม่มีวันตาย (ตัวตายแต่ชื่อยัง ถ้าสร้างชื่อเสียงในทางที่ดี)

15. รู้จักรักและเคารพโลก

16. ในแต่ละปี ให้เดินทางไปในที่ที่คุณยังไม่เคยไปมาก่อน

17. ประเมินความสำเร็จในสิ่งที่คุณไม่เคยทำสำเร็จ เพื่อจะได้มุ่งมั่นทำมันให้สำเร็จ

 

เรื่องส่งต่อกันมา

ภาพ AP

หมวดหมู่:Library

Sundial Dreams เพลงบรรเลงเพราะ ๆ เพิ่งได้ชื่อมา

 

Sundial Dreams – Kevin Kern – 1/2011

หมวดหมู่:Library, Music

การทำ connectable = yes (ฉบับสมบูรณ์)

การทำ connectable = yes (ฉบับสมบูรณ์)

1.connectable = yes คืออะไร? และทำไมต้องทำให้เป็น yes?
ใน การใช้งานเครือข่ายบิททอแรนท์นั้น ผู้ใช้งานจำเป็นต้องติดต่อกับ tracker (server) และ เครื่องผู้ใช้งานอื่น เพื่อรับ-ส่งไฟล์ระหว่างกันและกัน แต่การเชื่อมต่อนั้น ๆ จะทำได้ดีหรือไม่

ซึ่ง ค่าสถานะการเชื่อม ต่อนี้ หากเราตั้งค่าให้การเชื่อมต่อจากเครื่องอื่นสามารถติดต่อกับเครื่องเราได้ สะดวกหรือมีประสิทธิภาพ ก็จะได้รับสถานะการเชื่อมต่อว่า “เชื่อมต่อได้ (หรือ connectable = yes)” แต่ถ้าในระหว่างกระบวนการเชื่อมต่อติดปัญหาใด ๆ เช่นติด Firewall ติด Router (ไม่รู้จะไปเครื่องไหนดี) ฯลฯ  ก็จะทำให้สถานะของคุณเป็น “ไม่เชื่อมต่อ (connect=no)”

ประโยชน์ที่ได้จากการที่ connect=yes
1. คุณจะสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องอื่น ๆ (โดยเฉพาะกับที่เป็น yes เหมือนกัน) ได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ ดูดและปล่อยได้เร็วยิ่งขึ้น

****************************************************
2. แล้วทำอย่างไร ให้ connect = yes?
ผมจะทำเป็นลำดับขั้นตอนให้คุณดูตามไปเรื่อย ๆ นะครับ ไปดูกันเลย…

ขั้นแรกที่สำคัญที่สุด… คุณใช้เน็ทของอะไร?
A. เน็ทบ้านคุณเอง แบบ ADSL
B. เน็ทบ้านคุณเอง แบบดาวเทียม
C. เน็ทบริษัท / โรงเรียน / มหาวิทยาลัย / หอพัก หรือสถานที่อื่นที่เป็นเน็ทแชร์จากส่วนกลาง
D. เน็ทผ่านระบบ GPRS/EDGE

A หากคุณใช้เน็ทบ้านแบบ ADSL
สิ่งที่คุณต้องเตรียม…
– IP (ภายใน) เครื่องของคุณ (วิธีการดู IP เครื่องของคุณ คลิกที่นี่)
– ยี่ห้อและรุ่นของ Router หรือ Modem เช่น D-Link DSL-500T (D-Link คือยี่ห้อ, DSL-500T คือรุ่น) ดูได้ฉลากที่เครื่องของคุณ หรือ บนกล่อง ฯลฯ

B หากคุณใช้เน็ตบ้านแบบดาวเทียม
เนื่องจากผมไม่เคยใช้ ลองอ่านจาก กระทู้นี้ ดู (ยังไม่ชัดเจนว่าทำได้หรือไม่?)

C เน็ทบริษัท / โรงเรียน / มหาวิทยาลัย / หอพัก หรือสถานที่อื่นที่เป็นเน็ทแชร์จากส่วนกลาง
ให้คุณตอบคำถามต่อไปนี้….
1) สำหรับกรณีนี้ คุณเป็นผู้ดูแลระบบ หรือมีสิทธิ์ในการแก้ไขค่าของ router ส่วนกลางที่ใช้ต่อเน็ทได้หรือไม่?
– ใช่, ฉันคือผู้ดูแลระบบ (ใช้วิธีเดียวกันกับแบบ A)
– ไม่ใช่, ฉันเป็นเพียงผู้ใช้งานธรรมดาเท่านั้น      (เสียใจด้วย… คุณไม่สามารถทำให้ connect=yes   เองได้ )   หากต้องการทำให้ connect=yes จริง ๆ ให้อ่าน ข้อ 3 ด้านล่างสุด

2) ระบบการแชร์ internet ในองค์กรของคุณ เป็นแบบใด?
– แบบอยู่ในเครือข่ายภายในเดียวกันกับ router คือทุกเครื่องต่อตรงไปยัง router (ใช้วิธีเดียวกันกับแบบ A)
– แบบใช้ server เป็น Firewall/Proxy Server ควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ตในองค์กร (เสียใจด้วย… ขณะนี้ผมยังไม่ทราบวิธี forward ต่อจาก server ไปยัง Client หากใครทราบช่วยบอกผมที… หากต้องการทำให้ connect=yes จริง ๆ ให้อ่านข้อ 3 ด้านล่างสุด

D หากคุณใช้เน็ตผ่านระบบ GPRS/EDGE
สั้น ๆ ง่าย ๆ ครับ ทำไม่ได้ครับ ใช้โหลดหน้าเว็บมาคุยเฉย ๆ ก็ลำบากแล้ว  ต่อให้ใช้ COLO ตามข้อ 3 เวลาโหลดกลับมาเครื่องเราก็คงไม่ไหว ทางเดียวที่จะทำได้คือใช้โคแล้วเอา Harddisk ไป Jump เอาเวลาโหลดเสร็จน่ะครับ

ขั้นที่ 2. ปิด Firewall หรือ กำหนดกฏ (Policy) ให้อนุญาตสำหรับโปรแกรมบิทของคุณ
– หากคุณใช้ Windows XP คุณจำเป็นต้องตรวจสอบ ดังนี้ (Windows Vista จะคล้าย ๆ กัน)
1) ไปที่ Start–>Control Panel–>Windows Firewall
2) เลือก off เพื่อปิดการใช้งาน firewall

http://img.thailandtorrent.com/show.php?id=bc6e32ab1c8c9a30e40f096cfb559505

3) หากต้องการใช้งาน firewall สามารถเลือก on ได้ แล้วไปตั้งกฎยกเว้นสำหรับโปรแกรมที่ท่านใช้โหลดบิท ในแท็บ exception แทนได้

http://img.thailandtorrent.com/show.php?id=a55ef0b74032b3f21bc0f62bed594018

4) กด OK

– หากในเครื่องของคุณติดตั้งโปรแกรมที่มี Firewall อยู่ด้วย เช่น โปรแกรมป้องกันความปลอดภัยที่ลงท้ายว่า… Internet Security หรือ Total Security ต่าง ๆ (เช่น Norton Internet Security, Kaspersky Internet Security, ฯลฯ) หรือ โปรแกรมที่เป็น Firewall เช่น Zone Alarm ฯลฯ ให้หาคำสั่ง firewall ของโปรแกรมนั้น ๆ และกำหนดกฏให้อนุญาตโปรแกรม หรือ port ที่ใช้งาน (ดูในวิธีใช้ของโปรแกรมนั้น ๆ)

ขั้นที่ 3. กำหนด Port ที่ใช้งานให้เป็นแบบตายตัว
– ตัวอย่างการกำหนด port ให้กับโปรแกรม uTorrent

http://img.thailandtorrent.com/show.php?id=ec91a949095532ee914a7f1e69fb7f0d

– คุณสามารถเลือกเลข port เป็นเลขอะไรตามที่คุณต้องการก็ได้ แต่ควรเป็นหลักหมื่นขึ้นไป เพื่อไม่ให้ชนกับ port ที่บางโปรแกรมใช้ และไม่เกิน 65535

ขั้นที่ 4. Forward Port ที่ Router
***ลองดูวิธีการ Forward Port ที่นี่ ก่อน ว่ามีรุ่น Router ของคุณหรือไม่? ถ้าไม่มีให้ลองทำตามตัวอย่างข้างล่างดูครับ…
1) ดู IP ภายใน ของเครื่องที่ต้องการใช้งาน (วิธีการดู IP ภายใน คลิกที่นี่)
2) เข้าไปหน้าตั้งค่า router โดยอาจจะลองค้นหาวิธีการตั้งค่าในเว็บ port-forward.com โดยเลือกยี่ห้อ และรุ่นของเราท์เตอร์ของคุณ (ถ้าไม่มีก็ลองเลือกรุ่นที่ใกล้เคียงที่สุดหน้าตาและขั้นตอนจะคล้าย ๆ กัน) แล้วเลือกโปรแกรมที่ใช้

***ในส่วนของขั้นตอน โดยทั่ว ๆ ไปจะคล้าย ๆ กัน (ผมใช้ของ router D-Link DSL-500T เป็นตัวอย่าง ใครใช้รุ่นอื่นให้ลองดูวิธีตั้งค่าที่ลิงค์ข้างบน หรือ Google หรือลองเอาตัวอย่างไปปรับใช้ดูครับ) โดยมีขั้นตอนประมาณนี้…

3) เปิด browser เช่น Internet Explorer, Firefox ขึ้นมา (แนะนำให้ใช้ IE)
4) ใส่ ip ของ router นั้น ๆ ในแถบ address bar กด enter (หากไม่ทราบ อาจจะดูจาก Gateway ของเครื่องคุณก็ได้ว่าไปออกที่ IP อะไร ส่วนใหญ่จะใช้ 192.168.1.1)
5) จะปรากฏหน้าต่างถาม password
– ถ้าเป็น router แถมมากับเน็ท มักจะบอกมาในคู่มือ หรือ ตอนติดตั้ง หากจำไม่ได้ให้โทรสอบถามที่ศูนย์ (TOT, TT&T, True ฯลฯ) ได้เลย
– ถ้าเป็น router ที่ซื้อมาเอง ให้ลองอ่านคู่มือในกล่อง แต่โดยทั่วไปมักจะตั้ง username เป็น admin และ password admin
6) จะปรากฏหน้าต่างตั้งค่าของ router นั้น ๆ
7) ค้นหาเมนู NAT หรือ Virtual Server (แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นจะมีเมนูไม่เหมือนกันต้องลองหาดู หรือดูในคู่มือ หรือดูในเว็บ port-forward เอาครับ)
8 ) เพิ่มกฏให้ forward port ที่เราใช้ ไปยัง ip เครื่องของเรา port แต่ละ port สามารถ forward ไปได้เครื่องเดียวเท่านั้น

http://img.thailandtorrent.com/show.php?id=a825d9ebfd5bd19054fbfe76fff2e198

9) หาและเลือกคำสั่ง save&reboot router (ถ้าไม่ทำ เวลาคุณปิดเราท์เตอร์พอเปิด คุณจะต้องตั้งค่า forward port ใหม่)
10) หากก่อนหน้านี้คุณโหลดงานไว้ ให้กดหยุด และกดปุ่ม reset peer ที่ ข้อมูลส่วนตัว แล้วจึงเริ่มงานอีกครั้ง

***โดยทั่วไปถ้าทำขั้นตอนนี้เสร็จแล้ว จะสามารถทำให้ connectable=yes ได้แล้ว แต่หากไม่ได้ ให้ลองวิธีการต่อไปนี้เพิ่มเติม

ขั้นที่ 5. ค้นหา Port ที่สามารถใช้งานได้
บาง ครั้ง จากสภาพแวดล้อม หรือข้อจำกัดต่าง ๆ อาจทำให้ผู้ใช้งานบางคน ต้องใช้บาง port ที่เหมาะสมเท่านั้น จึงจะทำให้ connectable=yes ได้ วิธีการง่าย ๆ ที่จะตรวจสอบว่า ต้องใช้ port ใด คือใช้โปรแกรม scan port (คลิกตรงนี้เพื่อดาว์นโหลดโปรแกรม)
หมายเหตุ: วิธีการใช้งานโปรแกรมคือจะทำการตรวจสอบ port ในช่วงที่กำหนดว่ามี port ใดที่เปิดไว้อยู่แล้วหรือไม่ ถ้าหากพบ ก็ให้นำ port นั้นมาใช้งานได้เลย

ขั้นที่ 6. เปลี่ยน router
หาก ยังไม่สามารถทำให้เป็น yes ได้ ลองยืม router เพื่อนมาเปลี่ยนดู อาจเกิดจาก router เดิมเสีย หรือ ไม่ support การ forward port ก็ได้ (โดยเฉพาะ router ที่แถมมามักจะเป็นยี่ห้อที่ไม่เป็นที่นิยม และเมนูค่อนข้างใช้ยาก)

**หาก คุณทำตามที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว ยังใช้งานไม่ได้ แสดงว่า คุณไม่สามารถทำให้ connect=yes เองได้ หากต้องการทำให้ connect=yes จริง ๆ ให้ลองทำตามวิธีด้านล่าง

***Google ช่วยคุณในการหาวิธี forward port ได้ โดยใส่ยี่ห้อ รุ่น ของเราท์เตอร์ และคำว่า forward port ลงไป

***************

ขอบคุณ เครดิตเว็บเพื่อนบ้านทุกคน  แหล่งความรู้ที่ได้มา…

******************

http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=7bcc8379f96a3e8a

หมวดหมู่:Library

การใช้งานโปรแกรม Easy CD-DA Extractor

** การใช้งานโปรแกรม Easy CD-DA Extractor **

เก็บไว้อ่านเพราะนาน ๆ จะได้ใช้  ทำไม่เป็นได้ทุกที

เขียนโดย คุณ มังกรทะยาน

5379510502b2aeeb59ce2700025d868434.jpg

7644510502b2aeeb59ce2700025d800703.jpg

  • ขั้นตอนการ Rip CD เพลงลง HDD

    1. เลือกแถบที่1

    2. เลือก CD Romที่ใส่แผ่น

    3. เลือกสปีด อันนี้เลือกค่าตามมาตรฐานของโปรแกรม

    4,5,6,7. ใส่รายละเอียดของแผ่น เช่นนักร้อง อัลบั้ม ประเภทของเพลง

    8. เลือกเพลงที่ต้องการ Rip

    9,10. เลือกโฟลเดอร์ปลายทางเพื่อจัดเก็บไฟล์ที่แปลงแล้ว

    11. เลือกชนิดของไฟล์ที่ต้องการแปลงจากแผ่น CDA>ให้เป็น MP3/OGG/WAV/FLAC

    12. เลือกขนาดที่จะบีบอัด ค่าตัวเลขยิ่งมากเสียงยิ่งดี แต่กินพื้นที่จัดเก็บยิ่งมาก

    14. คลิกซ้ายเพื่อใส่ชื่อเพลงลงไป

    15. กดปุ่ม COPPYเพื่อทำการแปลงไฟล์

    9520510502b2aeeb59ce2700025d709353.jpg

  • ขั้นตอนการแปลงไฟล์ที่มีอยู่ใน HDD หรือจากแผ่น

    1. คลิกที่แถบ1

    2. หาโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์เพลงที่มีอยู่ใน HDD หรือจากในแผ่น

    3. ไฟล์เพลงจะขึ้นที่นี่

    4. เลือกเพลงที่จะแปลง ลากมาที่นี่

    5. เลือกชนิดของไฟล์ที่ต้องการแปลงให้ออกมาเป็นตามต้องการ

    6. เลือกขนาดการบีบอัดไฟล์เสียง ค่ายิ่งมากเสียงยิ่งดี แต่กินพื้นที่จัดเก็บ

    7. เลือกโฟลเดอร์ปลายทางที่จัดเก็บไฟล์ที่แปลงออกมาแล้ว

    8. เริ่มการทำแปลงไฟล์

    ** หากมีไฟล์ .cue ให้ใช้ไฟล์นี้ในการเพิ่มข้อมูล หรือ ลากไฟล์นี้แทนไฟล์ออดิโอ**

    2978510502b2aeeb59ce2700025d619319.jpg

  • ขั้นตอนการแปลงเพลง MP3/OGG/WAV เป็น CDA แล้วเขียนลงแผ่น

    1. คลิกที่แถบ 1

    2. หาโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์

    3. เปิดไฟล์ที่การแปลง+เขียนลงแผ่น

    4. ลากไฟล์มาลงที่นี่

    5. เลือกเครื่องเขียนแผ่น

    6. เลือกความเร็วในการเขียนแผ่น ควรใช้ที่ความเร็วต่ำ เพื่อเปิดได้กับเครื่องเล่นแผ่นทุกชนิด

    7. ช่องบอกเวลาที่ใช้ไปและเนื้อที่ของแผ่นที่เหลืออยู่

    8. เริ่มการแปลง+เขียนลงแผ่น

    ** หากมีไฟล์ .cue ให้ใช้ไฟล์นี้ในการเพิ่มข้อมูล หรือ ลากไฟล์นี้แทนไฟล์ออดิโอ**

    7934510502b2aeeb59ce2700025d832443.jpg

    เครดิต : http://www.justusers.net/articles/multimedia/easycd/easy.htm ( คุณมังกรทะยาน )

 

หมวดหมู่:Library

Tips: 17 เหตุผลที่ทำให้ Mac ของคุณช้าลงอย่างไม่ควรจะเป็น

Tips: 17 เหตุผลที่ทำให้ Mac ของคุณช้าลงอย่างไม่ควรจะเป็น

คุณ รู้หรือไม่ว่า แต่ละวัน แต่ละการกระทำในการใช้งาน Mac ล้วนแต่จะทำให้เครื่อง Mac ของเราช้าลง บางท่านอาจจะไม่รู้สึกว่าเครื่อง Mac สุดที่รักของเราทำงานช้าลงอย่างเห็นได้ชัดแต่อย่างใด เนื่องจากเราได้ใช้มันเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เราจึงไม่สามารถมองเห็นความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่ค่อยๆ เกิดขึ้นได้ ซึ่งมันมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่ทำให้เครื่องของเราช้าลงได้ ดังนั้นเราจึงรวบรวมเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะทำให้เครื่องของคุณทำงานได้ราบรื่นมากยิ่งขึ้น มันอาจจะไม่ช่วยให้ Mac ของคุณเร็วขึ้นเหมือนติดจรวด แต่มันก็พอจะช่วยให้ Mac ที่อ่อนล้าของคุณพอจะกลับมาสดชื่นและมีชีวิตชีวาได้บ้างไม่มากก็น้อย ลองไปติดตามดูกันครับ

1. Desktop ป่าดงดิบ

คุณ มีไฟล์หรือโฟลเดอร์บน Desktop มากซะจนรกเหมือนป่าดงดิบหรือไม่? การมีไฟล์หรือโฟล์เดอร์บน Desktop มากๆ จะทำให้เครื่องของคุณทำงานได้ช้าลง แนะนำว่าให้จัดระเบียบด้วยการนำไฟล์เหล่านั้นไปใว้ใน Home Folder จากนั้นค่อยทำ aliases หรือ shortcut ใว้บน Desktop จะดีกว่า

2. Preference File มากเกินไป

ทุก ครั้งที่โปรแกรมใดๆ เริ่มการทำงาน จะมีการสร้าง Preference File เก็บใว้ในเครื่อง ซึ่งการใช้โปรแกรมหลายโปรแกรมจะทำให้ Preference File มีมากขึ้นเรื่อยๆ หากบางโปรแกรมเริ่มทำงานได้ช้า หรือมีอาการแปลกๆ แนะนำว่าให้ทำการลบไฟล์ Preference File ทิ้ง หรือคุณอาจจะเคลีย Preference File ทิ้งทั้งหมด ซึ่งอย่าลืมทำการ Back up ไฟล์ทั้งหมดใว้ที่อื่นด้วยเพื่อความปลอดภัย

3. Smart Playlist บน iTunes

ระบบ Smart Playlist บน iTunes ทำให้โปรแกรมต้องทำการแสกนไฟล์เพลงเพื่ออัพเดทเงื่อนไขทุกครั้งตอนเปิด โปรแกรม ซึ่งมันจะทำให้โปรแกรมเริ่มทำงานได้ช้า คุณสามารถเลือกที่จะไม่ให้ iTunes ทำการ Update บ่อยๆ ได้โดยการไปที่ File -> Edit Smart Playlist และยกเลิก Live Updating

4. Widget แสนรก

การ มี Widget มากเกินไปก็ทำให้เครื่องช้าได้ เนื่องจากทุก Widget ต้องทำการจอง Memory ไปใช้งาน คุณสามารถดูได้ว่า Widget ตัวใหนใช้ Memory ไปเท่าไหร่บ้างด้วย Activity Monitor จากนั้นเลือกเอา Widget ออกไปบ้างด้วย Dashboard Control Panel

5. Caches, Log files และ Temporary

การ ใช้งานโปรแกรมต่างๆ และระบบต่างๆ ของเครื่องจะมีการใช้งาน Caches, Log fileและ Temporary File ต่างๆ จำนวนมาก คุณสามารถลบไฟล์เหล่านี้ทิ้งโดยการใช้โปรแกรม OnyX ดูจะเป็นทางออกที่ง่ายที่สุด

6. Firmware แสนล้าหลัง

หนึ่ง ปัญหาที่สำคัญอันดับต้นๆ คือการใช้ Firmware รุ่นเก่ากับ Hardware ของคุณ เพราะมันจะทำให้เกิดข้อผิดพลาด และการทำงานอาจไม่ราบรื่นได้ แนะนำให้ทำการอัพเดท Firmware ใหม่ๆ ทุกครั้งโดยการตรวจสอบที่ Software Update อยู่ตลอดเวลา

7. RAM ไม่พอแต่ขอแรง

การ มี RAM น้อยเกินไปเป็นปัญหาหลักของการที่เครื่องช้าเป็นเต่า การใช้ Software เวอร์ชั่นใหม่ๆ หมายถึงคุณอาจจะต้องการ RAM มากขึ้นกว่าตอนที่ซื้อเครื่องมาใหม่ด้วย Software ในขณะนั้น คุณอาจจะลองดูที่ Activity Monitor ที่แท็บ System Memory โดยหากคุณเห็นกราฟวงกลมมีพื้นที่สีแดงหรือส้มมากๆ แล้วล่ะก็ มันหมายความว่าอาจจะถึงเวลาที่คุณต้องเพิ่ม RAM แล้ว

8. System Permission ไม่ถูกต้อง

ทุกๆ ไฟล์ใน Mac OS มี permission ซึ่งเป็นตัวกำหนดว่าโปรแกรมใด หรือใครที่จะสามารถใช้งานไฟล์เหล่านั้นได้บ้าง แต่บางครั้งก็สามารถเกิดข้อผิดพลาดในการกำหนด permission ของไฟล์นั้นๆ ได้ ซึ่งเราสามารถตรวจสอบสิ่งเหล่านั้นได้โดยไปที่ Disk Utility (อยู่ใน /Applications/Utilities) เลือก Drive ของคุณแล้วคลิกที่แท็บ First Aid จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Repair Disk Permissions

9. Hard Disk ใกล้จะเต็ม

ปรกติ ระบบการทำงานของ OS จะทำการจองพื้นที่ของ Hard Disk ใว้ประมาณ 10% เพื่อมาแบ่งเบาภาระและช่วยในการทำงานของ RAM ดังนั้นการมีข้อมูลเยอะจนใกล้เต็ม Hard Disk จึงไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก หมั่นเคลียไฟล์ในเครื่องและทำให้แน่ใจว่าคุณมีพื้นที่เหลือในเครื่องอย่าง น้อย 10% ของ Hard Disk ทั้งหมดเสมอ

10. เอาโปรแกรมที่เปิดอัตโนมัติตอนเข้า OS ออกบ้าง

การ มีโปรแกรมที่ทำการเปิดเองอัตโนมัติขนะที่เริ่มการทำงานของ OS ไม่ใช่สิ่งต้องห้าม แต่อย่ามีมากจนเกินไป เพราะมันจะทำให้การเริ่มการทำงานของ OS ขึ้นโดยตรง ซึ่งคุณอาจจะเหลือใว้ซัก 2-3 โปรแกรมที่เปิดเองอัตโนมัติซึ่งนอกนั้นค่อยมาเปิดใช้งานเองจะดีกว่า

11. ลบไฟล์ System Preference Panes ที่ไม่ได้ใช้ออกบ้าง

การ ลบไฟล์ preference panes ที่ไม่ได้ใช้ออกจะช่วยให้ได้ RAM และพื้นที่ Hard Disk กลับมา ซึ่งสามารถทำได้โดยเชคที่โฟล์เดอร์ ~/Library/PreferencePanes และเลือกลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นออกไปบ้าง

12. อย่าเปิดโปรแกรมที่ไม่ใด้ใช้ทิ้งใว้

โปรแกรม ทุกโปรแกรมจะทำการจอง Memory (RAM) จากเครื่อง ดังนั้นหมั่นปิดโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้ด้วยการ quit ออกจากโปรแกรม เพราะบางโปรแกรมจะทำการจอง Memory มากขึ้นเรื่อยๆ ตราบเท่าที่มันยังทำงานอยู่ไม่ว่าจะ Background หรือ Foreground ก็ตาม ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบการใช้ Memory ของแต่ละโปรแกรมด้วย Activity Monitor เช่นเคย ทางที่ดีคือหมั่น quit โปรแกรมและเข้าใช้งานใหม่ทุกครั้งที่เริ่มรู้สึกว่ามันทำงานได้ช้า

13. Wallpaper แบบเปลี่ยนเองได้

จริง อยู่ที่การตั้งค่าให้ Wallpaper เปลี่ยนรูปเองหรือเคลื่อนไหวได้จะทำให้คุณดูเก๋เป็นพิเศษ แต่มันก็ส่งผลต่อการทำงานของเครื่องโดยตรง หากเครื่องของคุณกำลังใช้งานระบบอันสวยงามเหล่านี้อยู่ แล้วรู้สึกว่าทำงานได้ช้า… ถึงเวลาที่คุณต้องหยุดแล้ว

14. Extension มากเกินไปใน Firefox

จริง อยู่ที่ Firefox มี Extension ดีๆ มากมายจนยากที่จะห้ามใจไหว แต่นั่นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ Firefox กิน RAM มากเกินความจำเป็น ดังนั้น หมั่นลบ Extension ต่างๆ ที่ไม่ค่อยได้ใช้และไม่จำเป็นออกบ้าง เพื่อการทำงานที่ราบรื่นยิ่งขึ้น

15. Clear Internet Cache ซะบ้าง

Browser ก็เช่นกันสำหรับการใช้ Cache และ Temp Files ในการทำงาน ซึ่งการหมั่นทำความสะอาดสิ่งเหล่านี้บ่อยๆ ก็ดูจะเข้าท่าต่อ Browser ของคุณดี ใน Safari ทำได้โดยไปที่เมนูจากนั้นเลือก Reset Safari แล้วทำการติ๊กตรง Clear History และ Empty the Cache แล้วทำการ Reset ส่วน Firefox ทำได้โดยไปที่ Preferences-> Privacy จากนั้นคลิก Clear Now

16. ลบ Favicon ที่เคยดาวน์โหลดมาบ้าง

ใน Safari ทำได้โดยไปที่ /Library/Safari/Icons แล้วทำการลบไฟล์เหล่านั้นทิ้ง

17. Mailbox ขนาดใหญ่

หาก คุณกำลังใช้งาน Mail.app บน OS X อยู่เป็นประจำ ให้หมั่นทำการลบไฟล์ e-mail เก่าๆ ที่ไม่ได้ใช้ออกไปบ้าง หรืออาจะทำการแยก e-mail ต่างๆ ออกเป็นโฟล์เดอร์เพื่อให้ไม่ไปกระจุกอยู่ที่กล่องใดกล่องหนึ่ง

ทั้ง หมดนี้เป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะทำให้ Mac ของคุณกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง ซึ่งบางข้ออาจจะต้องใช้ความเชี่ยวชาญและความชำนาญในระดับหนึ่ง ซึ่งหากไม่มั่นใจก็ให้ปรึกษาผู้รู้ก่อนจะทำนะครับ เพราะเกิดผิดพลาดไปจะเสียหายเอาได้ ทางที่ดีถ้าไม่ชัวร์ในข้อไหนก็ให้ข้ามไปหรือรอถามผู้รู้จะดีกว่าครับ ^^

ref: chriswrites.com

thaimacupdate.com

หมวดหมู่:Library